นักวิจัยไบโอเทคชี้ "ว่านจักจั่น" ที่แท้คือ "จักจั่นติดเชื้อรา" นักวิจัยไบโอเทคเผย “ว่านจักจั่น” ที่ชาวบ้านนิยมบูชาแท้จริงแล้วคือ “จักจั่นติดเชื้อรา” ย้ำแม้ทาแลคเกอร์เคลือบก็ยังมีสปอร์ของราหลงเหลืออยู่ เตือนผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ต้องระวัง จากกรณีที่ชาวบ้านหลายจังหวัดเข้าป่าเพื่อขุดหาว่านจักจั่นโดยเชื่อว่าเป็นเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ จนเกิดการซื้อขายตั้งแต่ราคา 199-5,000 บาทนั้น ดร.สายัณห์ สมฤทธิ์ผล นักวิจัยห้องปฏิบัติการราวิทยา ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) กล่าวว่า ว่านจักจั่นที่ชาวบ้านกำลังนิยมนำมาบูชานั้นแท้จริงแล้วคือ จักจั่นที่ตายจากการติดเชื้อรา ไม่ใช่ว่านหรือพืชอย่างที่เข้าใจ โดยเป็นจักจั่นในระยะตัวอ่อนที่กำลังไต่ขึ้นมาเพื่อลอกคราบเป็นตัวเต็มวัยเหนือพื้นดิน ซึ่งในระยะนี้ร่างกายจักจั่นมีการเปลี่ยนแปลงทำให้อ่อนแอ ประกอบกับช่วงต้นฤดูฝนมีความชื้นสูง จึงมีโอกาสติดเชื้อราแมลงที่มีอยู่ทั่วไปในธรรมชาติ ก่อให้เกิดโรคและทำให้จักจั่นตายในที่สุด ซึ่งเมื่อจักจั่นตาย เชื้อราก็จะแทงเส้นใยเข้าไปเจริญในตัวจักจั่นเพื่อดูดน้ำเลี้ยงเป็นอาหารและเจริญเติบโตเป็นโครงสร้างสืบพันธุ์ที่มีลักษณะคล้ายเขาบริเวณหัว ทำหน้าที่สร้างสปอร์เพื่อแพร่พันธุ์เชื้อราต่อไป ลักษณะที่เกิดขึ้นนี้เรียกว่า ราแมลง ส่วนชนิดของราที่เกิดขึ้นบนตัวจักจั่นนั้น เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นราสายพันธุ์คอร์ไดเซพ โซโบลิเฟอรา (Cordyceps sobolifera) ซึ่งต้องมีการตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้งหนึ่ง “ลักษณะของราที่เจริญเติบโตคล้ายเขาบนตัวจักจั่นนี้ ไม่ใช่เป็นการค้นพบครั้งแรก ในประเทศไทยเคยมีการสำรวจพบราแมลงบนตัวจักจั่นแล้วหลายชนิด ชนิดที่น่าสนใจคือ คอร์ไดเซพ นิปปอนนิกา (Cordyceps niponnica) พบครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่น ขณะที่ประเทศไทยพบครั้งแรกที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เมื่อปี 2544 และทีมวิจัยได้สกัดสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากเชื้อราชนิดนี้มาทดสอบ พบว่ามีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียด้วย” ดร.สายัณห์ กล่าวว่า สิ่งที่อยากเตือนประชาชนให้พึงระวังคือ แม้เชื้อราในแมลงจะก่อโรคที่จำเพาะต่อแมลง ไม่เป็นอันตรายต่อคน แต่สำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้ก็ทำให้เกิดอาการแพ้ได้ เนื่องจากราบนตัวจักจั่นที่ขุดขึ้นมาอาจยังมีชีวิตอยู่และสร้างสปอร์ได้ อีกทั้งแม้จะมีการนำจักจั่นมาทำความสะอาด ทาแลคเกอร์เคลือบ ก็อาจจะยังมีราหลงเหลืออยู่ เพราะราเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดเล็กมาก ที่สำคัญในช่วงนี้เป็นฤดูฝน อากาศมีความชื้นสูง หากเก็บรักษาไม่ดีจะทำให้เชื้อราชนิดอื่นๆ เจริญเติบโตขึ้นได้ และหากเป็นเชื้อราที่ก่อโรคในคนแล้ว ก็จะเป็นอันตรายต่อผู้ที่พกพา อย่างไรก็ดี ราแมลงไม่ได้พบเฉพาะจักจั่นเท่านั้น แต่ยังสามารถพบได้ในหนอน ด้วย แมลงวัน มวน เพลี้ย ผีเสื้อ ปลวก แมงปอ แมงมุม เป็นต้น ซึ่งชนิดของราที่พบก็จะแตกต่างกันไป โดยในประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความหลากหลายของราแมลงสูงมาก มีการศึกษาค้นพบราแมลงกว่า 400 ชนิด (สปีชีส์) ในจำนวนนี้เป็นราแมลงชนิดใหม่ถึง 150 ชนิด ซึ่งราแมลงหลายชนิดมีความมหัศจรรย์เพราะอาศัยในแมลงเจ้าบ้านที่จำเพาะเจาะจงโดยเฉพาะแมลงศัตรูพืช จึงมีการนำราแมลงมาใช้ควบคุมแมลงศัตรูพืชโดยชีววิธี นอกจากนี้ราแมลงหลายชนิดยังสร้างสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่มีศักยภาพในการนำไปพัฒนาเป็นยา เช่น เพนนิซิลิน ซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะตัวแรกของโลก # # # ที่มา: เอกสารเผยแพร่โดย ศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย สวทช.
ขอขอบคุณบทความดีที่ได้รับจากเมล์ นายชัดเจน
เห็นว่าน่าสนใจ จึงนำมาเผยแพร่ต่อไป
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น