วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2552

แก๊งค์ป้ายยา ข้างล่างสถานีรถไฟฟ้าชิดลม‏

บทความนี้รับมาจากเมล์ เห็นว่า น่าสนใจ จึงนำมาเผยแพร่ให้ทราบกัน

โดนแก๊งค์ป้ายยาที่ ข้างล่างสถานีรถไฟฟ้าชิดลม
เรื่องที่จะเล่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวผมเอง
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี้เอง จนตัวเองต้องไปนอนที่โรงพยาบาลตำรวจที่ตึกฉุกเฉิน
ในความคิดของคนเราเรื่องของแกงค์ป้ายยาเราได้กิตติศัพท์มาบ้างแล้ว ในใจผมบอกได้
เลยว่าไม่เชื่อเรื่องแก็งค์ป้ายยาจะมีจริง และแล้ววันที่โชคร้ายที่สุดสำหรับผมก็มาบรรจบกัน
ผมไปธุระที่สีลม ช่วงสายของวันเสาร์ที่ผ่านมาโดยการนั่งรถแท็กซี่เพื่อขึ้นตึก ๆ หนึ่งที่หน้าสถานี
รถไฟฟ้าชิดลม จนลงมาจากตึกด้วยเป็นวันเสาร์เวลาบ่ายนิด ๆ ทำให้อากาศร้อนมาก คนแทบไม่มีเดินตามท้องถนน โดยตัวผมได้เดินแบกเป้สะพายหลัง 1 ใบพร้อมอุปกรณ์ทำมาหากินเต็มเป้ ช่วงเวลาที่กำลังเดินมา
ขึ้นรถไฟฟ้าที่อยู่ติดกันหน้าตึก ผมได้เห็นชาย 2 คน ซึ่งคาดได้ว่าเป็นชาวต่างชาติชาวอาหรับ 2 คน
กำลังยืนรอใครอยู่แน่ ๆ ผมไม่สนใจ จึงเดินผ่านไป แต่แล้วชาวอาหรับ 2 คนนั้นกลับเรียกผมให้หยุด
เพื่อที่เขาจะจับมดที่หลังผมให้ ซึ่งเขาพูดเป็นภาษาไทยแต่เป็นสำเนียงของชาวอาหรับ ช่วงเวลานี้เอง
ที่เขาทำอะไรกับหลังผมซึ่งเขาบอกว่า จะจับมดให้โดยการเอานิ้วมือมาสะกิดที่ข้างลำคอ แล้วไล่มาเรื่อย ๆ
จนถึงหัวไหล่ เขาปล่อยมือออกจากตัวผม แล้วก็สอบถามเรื่องเส้นทางที่จะไป ถนนข้าวสาร
หลังจากนั้นไม่ถึง 30 วินาที แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า ตัวผมเองเหมือนโดนบีบตาให้หลับ และตัวเราล่องลอยไปเรื่อย ๆ ผมมารู้ทีหลังว่า ได้เดินทางไปกับ ชาวอาหรับ 2 คนนั้นโดยทางแท็กซี่
ซึ่งเขาพาผมนั่งไปในรถแท็กซี่นั้นด้วย เขาได้ถือเป้ของผม และได้เอาของทุกอย่างที่อยู่ในเป้
ซึ่งมีของสำคัญหลายชิ้นซึ่งสูญหายไป ไม่ว่าจะเป็นสมุดบัญชีต่าง ๆ รวมถึงกระเป๋าสตางค์ของผม
ช่วงเวลาที่ผมอยู่ในรถกับแกงค์นี้ ผมบอกตรง ๆ ว่าผมจำอะไรไม่ได้อีกเลย จนมารู้สึกตัวทีหลังว่า
ผมกำลังเดินอยู่ที่ สถานีรถไฟฟ้าสยาม เดินเข้าไปในสยาม โดยที่หาทางออกไม่เจอเป็นเวลานาน
เหงื่อแตกเต็มตัว และเวลาต่อมาร่างกายเกิดอาการชาไปทั้ง หน้า ปาก แขน ข้ามออกมาจาก สยามดิส แล้วเดินมาทางนั้นเดินมาเรื่อย ๆ (ที่ผมรู้ว่ามาจากทางสยามดิสเพราะกลับไปสอบ ถามร้านค้าเล็ก ๆ ข้างทางว่า ผมเดินมาจากทางไหนเพื่อรวบรวมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง)
ผมเดินแบบไม่รุ้จุดหมาย จนเกิดอาการหน้ามืดอย่างแรง อาเจียน และไม่มีแรง จนสุดท้ายต้องพึ่ง
มอเตอร์ไซด์รับจ้างที่ใกล้วัดปทุมวนาราม ให้หาตำรวจ และตำรวจก็มาถึง พร้อมกับแจ้งเจ้าหน้าที่
ทาง ร.พ. ตำรวจ เพื่อนำตัวผมเข้าห้องไอซียู ในช่วงเวลาบ่าย 2 โมง ผมเองไปรู้สึกตัวอีกทีหลังจากทางแม่ และภรรยา พร้อมลูกมาหาผมที่โรงพยาบาลแล้ว แทบไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างผมอยู่ในโลกแห่งวิทยาการที่ได้รับทราบ ข้อมูลข่าวสารก่อนใครผ่านทางหน้าจอคอมพิวเอตร์แต่ผมกลับไม่สามารถเอาตัวเองให้รอดพ้นจาก
มิจฉาชีพได้เลยแม้แต่นิดเดียว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น